7 วิธีใช้แคลมป์แอมมิเตอร์ และ 6 ข้อควรระวัง
(1) การใช้แคลมป์แอมมิเตอร์
①ระดับความแม่นยำของแคลมป์แอมมิเตอร์ไม่สูงนัก และมักใช้ในโอกาสที่ต้องการวัดไม่สูงนัก
②ก่อนการวัด ควรเลือกช่วงการวัดที่สอดคล้องกันตามกระแสของวงจรที่ทดสอบ เมื่อกระแสของวงจรที่ทดสอบประเมินได้ยาก ควรตั้งสวิตช์ช่วงไปที่ช่วงการวัดสูงสุด
③ โดยปกติจะมีสเกลหลายอันบนหน้าปัดของแคลมป์แอมมิเตอร์ และควรเลือกสเกลที่สอดคล้องกับช่วงของสวิตช์ช่วงเมื่อทำการวัด
④ ช่วงที่เลือกควรเปิดใช้งานตัวชี้เพื่อระบุเหนือ 1/2 ถึง 2/3 ของสเกลมาตราส่วน เพื่อลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการวัด
⑤ เมื่อความถี่ที่วัดได้ต่ำหรือคลื่นไซน์มีการบิดเบือนมาก ข้อผิดพลาดของแคลมป์แอมมิเตอร์จะมีมาก
⑥เมื่อกระแสที่วัดได้น้อยเกินไปที่จะแสดงบนหัวมิเตอร์ ลวดที่วัดได้สามารถพันลวดที่วัดได้หลายครั้งในขากรรไกร และข้อมูลที่วัดได้สามารถสะท้อนให้เห็นในค่าปัจจุบันที่วัดได้โดยการหารข้อมูลที่วัดได้ด้วยจำนวน ของขดลวดในกราม
⑦ หลังจากการวัดเสร็จสิ้น ควรวางสวิตช์ช่วงการวัดแอมมิเตอร์แบบแคลมป์ให้อยู่ในช่วงการวัดสูงสุด
(2) ปัญหาที่ควรให้ความสนใจเมื่อใช้แคลมป์แอมมิเตอร์
①เนื่องจากแคลมป์แอมมิเตอร์สัมผัสกับสายที่ทดสอบ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่าประสิทธิภาพของฉนวนของมิเตอร์ดีหรือไม่ก่อนการวัด นั่นคือ เปลือกไม่เสียหาย และที่จับสะอาดและแห้ง
② เมื่อวัด ให้สวมถุงมือฉนวนหรือถุงมือลวดที่สะอาด
③ เมื่อทำการวัด ให้คำนึงถึงการรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างแต่ละส่วนของร่างกายและร่างกายที่มีประจุไฟฟ้า (ระยะห่างที่ปลอดภัยสำหรับระบบไฟฟ้าแรงต่ำคือ 0.1/0.3 ม.)
④ แคลมป์แอมมิเตอร์ไม่สามารถวัดกระแสของตัวนำเปลือยได้
⑤ ห้ามมิให้เปลี่ยนเกียร์ของแคลมป์แอมมิเตอร์ระหว่างการวัดโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์ ควรถอนสายวัดออกจากกรามก่อนเปลี่ยนเกียร์
⑥เลือกแคลมป์แอมมิเตอร์ตามระดับแรงดันไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด แคลมป์แอมมิเตอร์ของระดับแรงดันต่ำสามารถวัดกระแสในระบบไฟฟ้าแรงต่ำเท่านั้น และไม่สามารถวัดกระแสในระบบไฟฟ้าแรงสูงได้ ห้ามใช้แคลมป์แอมมิเตอร์สำหรับการวัดกระแสของวงจรที่สูงกว่า 380V โดยเด็ดขาด