เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดทำงานอย่างไร และใช้งานอย่างไร?
1. หลักการทำงานของเครื่องวัดน้ำตาล
เมื่อแสงเข้าสู่ตัวกลางอื่นจากตัวกลางหนึ่ง การหักเหจะเกิดขึ้น และอัตราส่วนของไซน์ของมุมตกกระทบจะคงที่ อัตราส่วนนี้เรียกว่าดัชนีการหักเหของแสง ปริมาณของแข็งที่ละลายได้ในน้ำผักและผลไม้จะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับดัชนีการหักเหของแสงภายใต้เงื่อนไขบางประการ (อุณหภูมิและความดันเดียวกัน) ดังนั้น ด้วยการวัดดัชนีการหักเหของน้ำผักและผลไม้ จึงสามารถหาความเข้มข้น (ปริมาณน้ำตาล) ของน้ำผักและผลไม้ได้ เครื่องมือที่ใช้กันทั่วไปคือเครื่องวัดการหักเหของแสงแบบมือถือ หรือที่เรียกว่ากระจกน้ำตาลและเครื่องวัดน้ำตาลแบบมือถือ ด้วยการวัดปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้ (ปริมาณน้ำตาล) ของผักและผลไม้ จึงสามารถเข้าใจคุณภาพของผักและผลไม้ได้ และสามารถประมาณอายุการสุกของผลไม้โดยประมาณได้
มิเตอร์วัดน้ำตาลแบบมือถือโดยทั่วไปจะมีรูปทรงทรงกระบอก
2. คำแนะนำในการใช้เครื่องวัดน้ำตาลแบบมือถือ
(1) วิธีการใช้งาน
เปิดฝาครอบและเช็ดปริซึมการตรวจจับอย่างระมัดระวังด้วยผ้านุ่ม หยดสารละลายที่จะทดสอบ 2-3 หยด วางไว้บนปริซึมการตรวจจับ จากนั้นปิดฝาเบาๆ เพื่อไม่ให้เกิดฟองอากาศ และปล่อยให้สารละลายกระจายบนพื้นผิวของปริซึม เล็งแผ่นแสงเข้าของอุปกรณ์ไปที่แหล่งกำเนิดแสงหรือบริเวณที่สว่าง สังเกตขอบเขตการมองเห็นผ่านช่องมองภาพ และหมุนวงล้อปรับช่องมองภาพเพื่อทำให้เส้นแบ่งสีน้ำเงิน-ขาวของขอบเขตการมองเห็นชัดเจน ค่าสเกลของเส้นแบ่งคือความเข้มข้นของสารละลาย
(2) การสอบเทียบและการแก้ไขอุณหภูมิ
ต้องปรับเทียบเครื่องมือให้เป็นศูนย์ก่อนทำการวัด หยดน้ำกลั่นสองสามหยด วางบนปริซึมการตรวจจับ แล้วหมุนสกรูปรับศูนย์เพื่อปรับเส้นแบ่งไปที่ตำแหน่ง 0% ของเครื่องชั่ง จากนั้นเช็ดปริซึมการตรวจจับและดำเนินการตรวจจับ เครื่องมือบางรุ่นต้องใช้สารละลายมาตรฐานแทนน้ำกลั่นในระหว่างการสอบเทียบ
อีกวิธีหนึ่ง (เหมาะสำหรับการวัดปริมาณน้ำตาลเท่านั้น) คือการใช้ตารางแก้ไขอุณหภูมิและเพิ่ม (หรือลบ) ค่าแก้ไขอุณหภูมิเป็นค่าที่อ่านได้ที่อุณหภูมิแวดล้อมเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำ
(3) สิ่งที่ควรทราบ
เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือทางแสงที่มีความแม่นยำ ควรคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้ระหว่างการใช้งานและการบำรุงรักษา:
1. ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งานและใช้งานตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด อย่าคลายส่วนที่เชื่อมต่อของเครื่องมือตามต้องการ อย่าทำหล่นหรือชนกัน ห้ามมีการสั่นสะเทือนที่รุนแรงโดยเด็ดขาด
2. หลังการใช้งาน ห้ามมิให้ใส่ลงในน้ำโดยตรงเพื่อทำความสะอาดโดยเด็ดขาด ควรเช็ดด้วยผ้านุ่มสะอาด พื้นผิวเลนส์ไม่ควรกระแทกหรือมีรอยขีดข่วน
3. ควรเก็บเครื่องมือไว้ในที่แห้งโดยไม่มีก๊าซกัดกร่อน
4. หลีกเลี่ยงการสูญเสียอะไหล่